ทำเหมือน AutoMapper ธรรมดาเลย แต่เพิ่ม code ส่วนนี้เข้าไป
Mapper.CreateMap<Modelต้นทาง, Modelปลายทาง>()
//config property ที่ชื่อต้นทางกับปลายทางไม่ตรงกัน
//เช่น ต้นทาง: Id , ปลายทาง: UserId
.ForMember(
dst => dst.UserId ,
opt => opt.MapFrom(src => src.Id ))
//ทำเหมือนข้างบนไปเรื่อยๆในอันที่ชื่อไม่ตรงกัน
.ForMember(
dst => dst.EndDate,
opt => opt.MapFrom(src => src.EndDatePlan));
รวม code จะได้เป็น
public static Modelปลายทาง Toชื่อที่มันสื่อว่ามันแมพไปModelปลายทางนะ(this Modelต้นทาง model)
{
Mapper.CreateMap<Modelต้นทาง, Modelปลายทาง>()
.ForMember(
dst => dst.UserId ,
opt => opt.MapFrom(src => src.Id ))
.ForMember(
dst => dst.ชื่อตัวแปรของ Property Model ปลายทาง,
opt => opt.MapFrom(src => src.ชื่อตัวแปรของ Property Model ต้นทาง));
return Mapper.Map<Modelปลายทาง>(model) ?? new Modelปลายทาง();
}
Blog นี้ผมเขียนไว้อ่านเองกันลืมนะ อาจมีภาษา หรือ เนื้อหา ที่ไม่รู้เรื่อง sorry มามะ ที่นี้
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ASP.NET การใช้งาน AutoMapper
AutoMapper ช่วยเราในการ Map Model จาก Repository เข้ากับ Service
เราไม่ต้อง foreach เองในกรณีที่ส่งมาเป็น List<>
ขั้นตอนการทำงาน
1. ไปที่ folder Service แล้วสร้าง folderตามชื่อ Service จากนั้นสร้างไฟล์ ชื่อService+Mappper
2. ใส่ using AutoMapper;
3 ตัวอย่าง public static class TestMapper
{
//กรณี Model ที่เป็น List
public static List<ชื่อ Model ใน Service> To+ชื่อ Model ใน Service(this List<ชื่อ model ที่ส่งมาจาก Repository> entities)
{
return Mapper.Map<List<ชื่อ Model ใน Service>>(entities) ?? new List<ScheduleMemberInGroupViewModel>();
}
***** ?? new List<ScheduleMemberInGroupViewModel>(); แปลว่ากรณีที่ไม่มีข้อมูลใน Return Model List<ScheduleMemberInGroupViewModel> เปล่าๆกลับไป ****
//กรณี Model ที่ไม่ได้เป็น List
public static ScheduleMemberInGroupViewModel ToTestViewModel(this UserInCompanies entities)
{
return Mapper.Map<ScheduleMemberInGroupViewModel>(entities) ?? new ScheduleMemberInGroupViewModel;
}
}
4. ไปที่ Project Web ->App_Start->AutoMapperConfig
public partial class AutoMapperConfig
{
public static void RegisteredAutoMapper()
{
ControllerAutoMapperBootstrapper.Configure();
Mapper.CreateMap<ชื่อ model ที่ส่งมาจาก Repository, ชื่อ Model ใน Service>();
}
}
5. สร้าง Model ใน Service ต้องตั้งชื่อตัวแปรให้ตรงกับ Model ที่ส่งมาจาก Repo ด้วยนะไม่งั้นมัน Map ไม่ได้จะเออเร่อ
6. การใช้งาน
.Toชื่อMapper ที่เราจะ Map ระวังว่าต้อง type ตรงกับที่เราMapด้วยนะ
7. เปิดหน้าที่เราจะใช้ Mapper แล้วพิมพ์ using Pathที่เราเก็บ ชื่อMapper ไว้ ถ้าไม่พิมมันจะหาไม่เจอโง่ชิบหายเลย
เราไม่ต้อง foreach เองในกรณีที่ส่งมาเป็น List<>
ขั้นตอนการทำงาน
1. ไปที่ folder Service แล้วสร้าง folderตามชื่อ Service จากนั้นสร้างไฟล์ ชื่อService+Mappper
2. ใส่ using AutoMapper;
3 ตัวอย่าง public static class TestMapper
{
//กรณี Model ที่เป็น List
public static List<ชื่อ Model ใน Service> To+ชื่อ Model ใน Service(this List<ชื่อ model ที่ส่งมาจาก Repository> entities)
{
return Mapper.Map<List<ชื่อ Model ใน Service>>(entities) ?? new List<ScheduleMemberInGroupViewModel>();
}
***** ?? new List<ScheduleMemberInGroupViewModel>(); แปลว่ากรณีที่ไม่มีข้อมูลใน Return Model List<ScheduleMemberInGroupViewModel> เปล่าๆกลับไป ****
//กรณี Model ที่ไม่ได้เป็น List
public static ScheduleMemberInGroupViewModel ToTestViewModel(this UserInCompanies entities)
{
return Mapper.Map<ScheduleMemberInGroupViewModel>(entities) ?? new ScheduleMemberInGroupViewModel;
}
}
4. ไปที่ Project Web ->App_Start->AutoMapperConfig
public partial class AutoMapperConfig
{
public static void RegisteredAutoMapper()
{
ControllerAutoMapperBootstrapper.Configure();
Mapper.CreateMap<ชื่อ model ที่ส่งมาจาก Repository, ชื่อ Model ใน Service>();
}
}
5. สร้าง Model ใน Service ต้องตั้งชื่อตัวแปรให้ตรงกับ Model ที่ส่งมาจาก Repo ด้วยนะไม่งั้นมัน Map ไม่ได้จะเออเร่อ
6. การใช้งาน
.Toชื่อMapper ที่เราจะ Map ระวังว่าต้อง type ตรงกับที่เราMapด้วยนะ
7. เปิดหน้าที่เราจะใช้ Mapper แล้วพิมพ์ using Pathที่เราเก็บ ชื่อMapper ไว้ ถ้าไม่พิมมันจะหาไม่เจอโง่ชิบหายเลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)